เศรษฐกิจดอกเห็ด ... “หลินจือ” กาฬสินธุ์
“ผมคือเกษตรกรคนหนึ่ง เกิดจากดิน อยู่กินติดดิน สิ้นลมก็ลงสู่ดิน
ทุกสิ่งทุกอย่างที่สร้างมา ตั้งใจอยากถ่ายทอดองค์ความรู้ทั้งหมดที่มี ฝากไว้ให้แผ่นดินเป็นวิทยาทาน...”
ประโยคสุดท้ายก่อนวางสาย หลังจากผมโทรสัมภาษณ์ คุณนิมิตร รอดภัย เจ้าของมิตรภาพฟาร์มกาฬสินธุ์ ราว 20 นาที เป็น 20 นาทีที่ไม่มีกั๊ก ให้หมดใจใส่เต็มรัก…!
นิมิตร รอดภัย เกษตรกรวัย 57 ปี บอกเล่าเรื่องราวชีวิตก่อนจะมาเป็นเจ้าของฟาร์มเห็ดผู้มั่งคั่งบนแผ่นดิน จังหวัดกาฬสินธุ์ (มีครอบครัวที่นั่น) ว่า พื้นเพเดิมเป็นคนจังหวัดสมุทรปราการ จบ มศ. 5 แล้วไปเรียนด้านเกษตรที่ วิทยาลัยเกษตรจังหวัดลำปาง (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จังหวัดลำปาง) ก่อนจะขยับขึ้นเหนือไปอีกนิดเรียนปริญญาตรีและโท ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในสาขาการจัดการด้านการเกษตร จังหวัดเชียงใหม่ สรุปคือซึมซับด้านการเกษตรมาทั้งชีวิต
“ผมขลุกอยู่กับการเกษตรมาทั้งชีวิต ตอนเรียนเกษตรก็สนใจเรื่องการเกษตรทุกชนิด สนใจเรื่องเครื่องกลการเกษตรต่างๆ จบ ปวส.ก็มีมุมคิดมุมหนึ่งตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมเกษตรกรเราถึงยังไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ ทำไมเรื่องเทคโนโลยีต่างๆ ด้านการเกษตรบ้านเราถึงยังไม่เจริญเท่าที่ควรจะเป็น คำถามในใจเหล่านี้ส่งผลต่อการตัดสินใจไปเรียนที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งหวังว่าจะได้ความรู้ด้านการเกษตรให้มากที่สุด จะได้นำมาประยุคใช้จริง ยิ่งเรียนยิ่งเห็นคุณค่าของการเกษตร จบปริญญาตรีและโท ที่นั่น”
เกษตร ป.โท จากแม่โจ้ นำความรู้ที่ได้มาทำการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมค้นคว้าอย่างไม่หยุดนิ่ง เขาและเพื่อนๆ (ที่ตอนนี้ต่างแยกย้ายไปตามแต่วิถีของแต่ละคนเลือก) ร่วมกันทำวิจัยเพราะเชื้อเห็ดขยายพันธุ์เห็ดชนิดต่างต่างๆ มาตั้งแต่ปี 2528 จนทุกวันนี้ก็มีความภูมิใจอยู่ลึกๆ ว่าได้นำความรู้ที่ได้มาขยายผลสร้างงาน สร้างอาชีพให้แก่พี่น้องเกษตรกรมากมาย
ผมตัดตอนชวนคุยถึงที่มาที่ไปของการทำเห็ดหลินจือ ซึ่งฟาร์มของเขาทำตั้งแต่เพาะเชื้อยันแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลาย
“ในฟาร์มของผมทำเห็ด 14 ชนิด เช่น เห็ดขอน เห็ดหูหนู เห็ดกระด้าง พยายามทำให้เกิดรายได้หมุนเวียน เป็นรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน โบนัสรายปี พูดถึงเห็นหลินจือที่มีความสนใจนั้นเพราะเป็นเห็ดที่มีความมหัศจรรย์ มีสรรพคุณทางยามากมาย แต่ต้องรู้จักการนำสรรพคุณออกมาใช้อย่างถูกวิธี โดยสรรพคุณหลักๆ คือ
1.ขับสารพิษออกจากร่างกาย
2.สร้างภูมิคุ้มกัน
3.ปรับสมดุล
ทั้ง 3 ข้อมีความเกี่ยวเนื่องกันเพราะคนเรานั้นมีสารพิษตกค้างในร่างกาย มากบ้างน้อยบ้าง แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิต
ผลจากการวิจัยชี้ชัดว่าสารจากเห็ดหลินจือช่วยขับสารพิษได้ เมื่อสารพิษค่อยๆ ถูกขับก็นำมาสู่การมีภูมิคุ้มกันที่ดี ร่างกายเกิดความสมดุลนั่นเอง”
ต่อประเด็นที่ว่าแล้วเห็ดหลินจือบ้านเรากับที่ประเทศจีน มีความเหมือนความแตกต่างอย่างไร เขาได้ไขข้อสงสัยด้วยน้ำเสียงเจือรอยยิ้มว่า
“ทุกอย่างเหมือนกัน แต่ต่างกันที่แหล่งกำเนิด เกิดที่จีน เกิดที่ไทย สุดท้ายก็อยู่ที่วิธีการสกัดออกมา เพราะที่เมืองจีนอย่างที่เรารู้ๆ เดินตลาดซื้อของ ต่อรองราคากันแบบครึ่งต่อครึ่งก็ยังได้ ส่วนเรื่องคุณภาพก็ขอละไว้ เอาเป็นว่าทุกอย่างเหมือนกัน ที่ฟาร์มมีการใช้ประโยชน์จาก 2 ส่วนคือ สปอร์ กับ ดอก ซึ่งวิธีสกัดทำในระบบ LAB ที่มีคุณภาพ มีการต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์หลายชนิด เช่น ยาเม็ดแคปซูล น้ำสกัด ชา กาแฟ สบู่ เป็นต้น”
ผมกระซิบถามถึงรายได้ ตัวเลขกลมๆ ต่อปี ได้ความว่าตกราวๆหลักสิบล้านบาทเลยทีเดียว และในจำนวนนี้กว่าครึ่งมาจากส่วนของเห็ดหลินจือ
*****
มีดีกับตัวแต่ไม่เคยเก็บไว้คนเดียว
มิตรภาพฟาร์มเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ให้ผู้สนใจทั่วไปมาศึกษา และนำไปต่อยอดได้อย่างไม่หวงวิชา โดยมีการแบ่งปันความรู้สู่เกษตรกร กลุ่มนักเรียนนักศึกษา ซึ่งแต่ละปีมีนักศึกษาฝึกงานจากวิทยาลัยการเกษตรแถบภาคอีสาน มหาวิทยาลัยราชภัฏเข้ามาฝึกงานอย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าตัวก็เดินสายเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งงานถ่ายทอดความรู้เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจ ที่ได้บอกไว้ว่าอยากฝากองค์ความรู้คืนสู่แผ่นดิน
ผมถามไปว่าถ้ามีองค์กรเอกหรือหน่วยงานราชการ เข้ามาขอรับการถ่ายทอดองค์ความรู้นี้สู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนอย่างเป็นจริงเป็นจัง พร้อมจะให้โมเดลนี้ไปได้หรือไม่ เจ้าตัวบอกไว้อย่างน่าสนใจ
“หากว่าองค์ความรู้ที่ผมมี สามารถนำพาพี่น้องเกษตรกรให้อยู่ดีกินดีได้ ผมก็ยิ่งภูมิใจ ยินดีมากๆ หากจะใช้โมเดลเห็ดขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน”
หน่วยงานราชการโดยเฉพาะส่วนท้องถิ่นลองรวบรวมคนมีใจ พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง ปลุกแรงฮึดดูสักตั้ง ลงไปศึกษาอย่างจริงจัง น่าจะพอไปได้นะ แต่ถ้ารู้สึกว่าอาจแรงไม่พอ เกรงขับเคลื่อนไม่สุดทาง ก็ลองชวนเอกชนที่อยู่ใกล้ๆไปด้วยกัน บางทีเอกชนอาจได้งาน CSR รูปแบบใหม่ที่สามารถอธิบายความเปลี่ยนแปลงได้จริง
ไม่แน่นะเศรษฐกิจจากดอกเห็ด อาจสร้างแรงกระเพื่อมที่ยิ่งใหญ่ ขับเคลื่อนชุมชนสู่ความยั่งยืน
จริงไหม...?
เรื่อง : ปรีชา นาฬิกุล
ภาพ : นิมิตร รอดภัย / มิตรภาพฟาร์ม ต.ภูดิน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์